วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

Diary17/09/12




ตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการที่เริ่มดีขึ้นจากเมื่อวาน อากาศดีๆช่วยให้อาการดีขึ้น


วันนี้วันสิ้นสุดการเขียนไดอารี่แล้วสินะ
จริงๆก็อยากจะเขียนให้ได้ทุกวันนอกจากการส่งงาน
มันก็เหมือนเราจดความทรงจำต่างๆไว้ไม่ให้มันหายไปพร้อมกับเวลา


แต่ก็คงจะไม่มีเวลามากขนาดนั้นในตอนนี้
ไม่เข้าใจทำไมต้องเอาหลายๆอย่างมารวมกันในอาทิตย์สุดท้าย 
ไม่ว่าจะเป็นงานร้อยแปดอย่าง สอบอีกล้านแปดอย่าง
ได้โปรดมีเวลาให้อ่านหนังสือเยอะๆไม่ได้รึไง (/ ︶︹︺ \)

วันนี้ดูมีเวลาว่างเยอะนะ
แต่ก็เหมือนจะไม่มี หมดเวลาไปกับงาน
แต่อย่างน้อยวันนี้ก็มีความสุขดีนะ 
บางทีในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีอยู่นะ
ขอบคุณนะ ヽ(=^・ω・^=)丿



" I Want To Get AWAY "
โอ้ยยยย อยากจะหนีไปจากที่นี่จริงๆ
ไม่ไหวแล้ว เมื่อไหร่จะปิดเทอมซักที
อยากจะหลบไปอยู่ในโลกส่วนตัวซักพัก ไม่อยากเจอความจริงแบบนี้ (π ー π)





ก่อนที่จะได้นอนก็คงต้องอ่านหนังสือก่อน
แล้วสอบตั้ง 2 วิชา แต่ละวิชาก็ดีจริงๆแหม่
คำนวณทั้งนั้น ไอเราก็ฉลาดๆทั้งนั้น ดีจริงๆ (* ̄O ̄)ノ


ขอให้คืนนี้ผ่านพ้นไปด้วยนี้อีกคืนเถอะ
" God Bless "





วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

Diary 16/09/12


วันนี้ตื่นมาพร้อมกับสถานที่ที่แปลกไป

และก็อากาศที่หนาวมาก ไม่ใช่อากาศธรรมชาติแต่เป็นแอร์
อะไรมันจะหนาวขนาดนี้ 

ได้ทำอะไรใหม่ๆกับสถานที่ใหม่ๆมันก็ดีเหมือนกันนะ
งานทุกอย่างเป็นไปด้วยดี (ㆆᴗㆆ)

ดังนั้นภาระกิจวันนี้เป็นอันเสร็จ
" Mission complete "

ヽ(´∀`ヽ) (/'∀')/
วันนี้ตื่นมาก็สายแล้ว นั่งๆกินๆเวลาก็เลยมาบ่ายละ
ถึงเวลากลับบ้านแล้ว
คิดถึงบ้านจัง คิดถึง 

กลับมาเคลียร์งานค้างต่อ
รู้สึกปวดหัว จะอ้วก ง่ายๆคือไม่ไหวแล้ว
/(╯.╰)\
ถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนบ้างละล่ะ
ผ่านวันหนักๆมาหลายวันแล้ว ขอให้ร่างกายได้พักซักหน่อย
อย่าให้ร่างกายพังไปมากกว่านี้เลย




" Be Yourself "
ชีวิตเป็นของคุณ ดูแลชีวิตคุณให้ดี



Link blog


4/1'S LIST 



No. 1 : 
No. 11 :  --------------------------------------------
No. 28 
No. 33 :  
No. 34 :  
No. 35 
No. 36 :  --------------------------------------------





วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

Diary 15/09/12





ผลจากเมื่อคืนนอนดึก หมีแพนด้าก็ถามหาขอบตา - - 
และยังมีอีกเหตุผลนึงที่ตามมา คือ...การตื่นเช้าเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก


นาฬิกาปลุกดัง 2 ถึง 3 รอบ แต่ไร้วี่แววของเรี่ยวแรงในการลุก
ลุกขึ้นมาจากที่นอน ลุกจากความฝัน
มันยากจริงๆ  ;_____;

วันนี้ต้องมาทำงาน join group กัน
งานจะรุ่งหรือร่วงก็ต้องคอยดูกัน
การใช้ศิลปะมันเป็นเรื่องที่ยากพอตัวนะ แต่ศิลปะมันไม่มีผิดนี่นา
หรือไม่จริง (?) ฮ่าๆๆ


ศิลปะจะกลายเป็นศิลเปอะมากกว่าแล้ว ฮ่าๆ
แต่มันก็ออกมาดูดีน้า

นอกจากจะมีงานแล้วก็ยังมีหนังสือที่ต้องอ่านอีก นี่มันควรจะเป็นวันพักผ่อน
ไม่ใช่หรอ ไม่ใช่หรอ (?) ;____;

วันนี้ล่ออาหารมื้อโตเข้าไป กินจนพุงกลางเลย
ฮ้าาาาา อย่างน้อยก้ยังมีความสุขกับวันแสนยุ่งเหยิงอย่างนี้
มีความสุขจัง


ตอนเย็นฝนก็เท หัวใจก็เซเหว่ว้านะเออ
อากาศเย็นดีจัง ฝนตกหนักแต่พอมันซารู้สึกชุ่มฉ่ำจัง
ฮู้เร่...ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล





วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

Diary 14/09/12

วันนี้วันศุกร์แล้ว อ๊าาาาา
แต่เป็นวันศุกร์ที่ไม่ค่อยจะสุขเท่าไหร่ งานท่วมหัวเอาตัวไม่รอดจริงๆ ;___;

เช้าๆก็อยากจะนอนหลับยาวๆไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเลยจริงๆ (- 0 -)~ 

อากาศในห้องก็หน๊าวหนาว แต่ตอนเช้ามองท้องฟ้าแลดูอากาศดี ~
แต่รู้อะไรรึเปล่า ตอนบ่ายแดดแรงยังกับอยู่ในกองไฟ จะทำร้ายกันไปไหน TT
เรียนพละทีนึงอย่างกับอาบแดดจนผิวเกรียม ไม่ชอบเลย

รู้สึกว่าวันนึงมันจะมีหลายฤดูนะ เย็นมาฝนตกเปียกเฉอะแฉะ 
ดีนะที่วันนี้กลับบ้านทันเวลาฝนตก ไม่งั้นคงแย่น่าดู

วันๆนึงมันผ่านไปเร็วจัง....งานค้างก็ยังไม่เสร็จ (T 0 T)/
อยากจะจบวันนี้ด้วยการทำอะไรสนุกๆซักอย่างให้สมกับเป็นวันศุกร์ ย้าาาาา









วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

จัดการรอยคล้ำใต้ตา


มาจัดการกับรอยคล้ำใต้ดวงตากันเถอะ!
สาเหตุ

1.สาเหตุ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นเพราะการนอนดึก
               นอนน้อย นอนหลับไม่สนิท ทุกเหตุผลล้วนทำให้เกิดรอยคล้ำใต้
               ดวงตาทั้งสิ้น


วิธีแก้ปัญหา:

- ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 7-9 ชั่วโมง แต่ไม่ใช่แค่การพัก
  ผ่อนเพียงแค่สองสามวันแล้วจะเห็นผลนะคะสาวๆ ต้องนอนหลับพักผ่อนให้
  เพียงพอประมาณสองสัปดาห์ขึ้นไปถึงจะเห็นผล ก่อนจะนอนลองสวดมนต์เพื่อ
  ให้เกิดความสบายใจ หรืออาจจะหาหนังสือมาอ่านสักเล่มก่อนนอนก็ได้


- ตัวการสำคัญที่ทำให้เรานอนไม่หลับก็คือ ความเครียด นั่นเอง เพราะฉะนั้น
  สาวๆอย่าเครียดนะจ๊ะ ไม่งั้นนอนไม่หลับ แล้วไม่สวยแถมเป็นหมีแพนด้าอีกนะ
  จะบอกให้



2.สาเหตุ การรับประทานอาหารที่ไม่มีวิตามินและการดื่มน้ำน้อยเกินไป
               การขาดวิตามินเคและวิตามินบี
12 ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยคล้ำ
               ใต้ดวงตาได้เช่นกัน


วิธีแก้ไขปัญหา:

- ต้องรับประทานอาหารจำพวกผักใบเขียวเยอะๆ เช่น บล็อกโคลี่ ผักบุ้ง หอมหัว
  ใหญ่ หน่อไม้ฝรั่ง หรือลองรับประทานผลไม้ที่มีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ พวก
  ส้ม มะเขือเทศ แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบรับประทานผัก อาจหาซื้อวิตามินเสริมมารับ
  ประทานควบคู่ไปด้วยก็ได้ค่ะ


- ลดการรรับประทานอาหารที่เค็มจัด  เพราะเกลือเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายเก็บกัก
   น้ำไว้ เลยทำให้เกิดอาการตาบวมและยังทำให้การไหลเวียนของเลือดใต้ตาผิด
   ปกติอีกด้วย



3.สาเหตุ : การสูบบุหรี่ เป็นการเพิ่มสารอนุมูลอิสระให้กับร่างกายและยังลดการ
               ไหลเวียนของออกซิเจน ทำให้แก่ก่อนวัย ผิวหนังเหี่ยวย่น และทำให้
               เกิดรอยคล้ำใต้ดวงตา


วิธีแก้ปัญหา:

- สาวคนไหนที่สูบบุหรี่ เลิกเสียเถอะค่ะ เพราะนอกจากจะทำให้ดูไม่ดีมากๆ แล้ว
   การสูบบุหรี่ยังทำให้แก่เร็วขึ้นเยอะเลยน้า 
> <


4.สาเหตุ : เป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งทำให้หลอดเลือดใต้ตาดำขยายมากกว่าปกติและ
               ทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ดวงตาได้ง่าย


วิธีแก้ปัญหา:

- ปรึกษาคุณหมอเพื่อตรวจหาโรคภูมิแพ้ และเพื่อหาวิธีการรักษาให้ถูกวิธี จะได้ไม่มีรอยคล้ำใต้ดวงตาด้วยเนาะ


สาเหตุอื่นๆ
- กรรมพันธ์ : อันนี้ไม่รู้จะแก้ยังไงจริงๆค่ะสาวๆ
- อายุ ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้น รอยคล้ำ รอยเหี่ยวย่นต่างๆก็มีมากขึ้นตามอายุ
- คนที่มีภาวะโลหิตจาง : อาจทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ดวงตาได้ด้วยเช่นกัน


Tips*

- ไม่ควรขยี้ตาแรงๆ เพราะอาจทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ตาแตกได้ ทำให้เลือดออก
   บริเวณนั้นและเป็นสาเหตุของการเกิดรอยคล้ำใต้ตา


- ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา

- ใช้คอนซีลเลอร์ช่วยปกปิดรอยคล้ำ โดยเลือกใช้คอนซีลเลอร์เนื้อบางเกลี่ยง่าย
   และเลือกโทนสีให้ใกล้เคียงกับสีผิวเรามากที่สุด  ซึ่งปัจจุบันมีหลายยี่ห้อค่ะ


- ลดการบริโภคอาหาร Fast Food ก็ช่วยทำให้รอยคล้ำใต้ดวงตาลดลงได้ด้วย
   เช่นกัน


- ลดปริมาณการดื่มชา และกาแฟ เพราะชา กาแฟ มีส่วนผสมของคาเฟอีน
  ทำให้หลอดเลือดขยายตัว และทำให้รอยคล้ำใต้ดวงตาชัดเจนมากขึ้น


- ไม่ควรลดน้ำหนักแบบพรวดพราด เพราะทำให้ไขมันบริเวณใต้ดวงตาเด่น
  ชัดขึ้น


- ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อไปช่วยการไหลเวียนของเลือดในร่างกายให้ดียิ่งขึ้น


Beauty at Home ^^
วิธีที่หนึ่ง
นำแตงกว่ามาหั่นสไลด์ให้ได้ชิ้นบางๆ นอนบนเตียงหรือบนโซฟาก็ได้ แล้วนำแตงกวาสองชิ้นนั้นวางลงบนเปลือกตา หลับตาเพื่อผ่อนคลาย ทิ้งไว้ประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงค่อยเอาออก


วิธีที่สอง
   นำถุงชาร้อนที่เราเพิ่งใช้ชงชาไป เอามา
   บีบน้ำออก แล้วนำมาประคบบริเวณรอบ
   ดวงตา แล้วทิ้งไว้ประมาณ 
10 – 15 นาที
   เช่นเดียวกันค่า

ที่มา www.dek-d.com

ผมแห้งเสียมีวิธีแก้

ผมแห้งเสีย ทำยังไงดี T^T 

 
       ไดร์ๆ หนีบๆ หนีบๆ ไดร์ๆ ก่อนออกจากแบบนี้ทุกวัน ผมไม่แห้งเสียก็เหลือเชื่อแล้วแหละ T T แต่ถ้าไม่ได้หนีบ ไม่ได้ไดร์ผมก่อน ฉันก็ไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนเลย แย่จัง! จะมีวิธีไหนบ้างน้าที่จะทำให้ผมไม่ชี้ฟูโดยไม่ต้องหนีบๆ ไดร์ๆ และต้องทำยังไง ผมถึงจะไม่เสียเนี่ย !!
ผมแห้งแบบนี้ ต้องจัดการ!

Do

- ใช้ยาสระผมที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม และยังช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อน เวลาที่เราหนีบผมหรือไดร์ผมได้อีกด้วย น้องไม่ต้องหาซื้อยาสระผมยี้ห้อแพงๆ ก็ได้ค่ะ สามารถใช้ยาสระผมที่มีขายตามท้องตลาดได้ทั่วไป

- เล็มปลายผมทุกๆ 4-6 สัปดาห์ และหมักผมสัปดาห์ละครั้ง

- ถ้าจำเป็นต้องใช้ความร้อนกับเส้นผมจริงๆ ควรใช้สเปรย์ป้องกันความร้อนฉีดเคลือบเส้นผมก่อนทุกครั้งเพื่อไม่ให้เส้นผมสัมผัสกับความร้อนโดยตรง และถ้าอยากให้ผมแห้งไว
 อาจลองเป่าผมด้วยพัดลมหรือใช้ไดร์เย็นแทนการใช้ไดร์จากความร้อนโดยตรง

ควรใช้คอนดิชันเนอร์ทุกครั้งหลังสระผมเพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่นและไม่แห้งเสีย นวดทิ้งไว้ประมาณ 3 นาทีแล้วค่อยล้างออก

- รับประทานอาหารจำพวกโปรตีน เนื้อ ตับ ไข่ กล้วย นม ถั่ว และผัก เพื่อช่วยเสริมสร้างและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง

- ใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันดอกคำฝอยประมาณ 1-2 หยด ชโลมลงบนเส้นผมเพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้สวยเงางาม

- เลือกใช้ยาสระผมที่มีสูตรบำรุงผมที่แห้งเสียมากเป็นพิเศษเพื่อช่วยฟื้นฟูผมอีกทางหนึ่ง
Don’t 

- หลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำร้อนจัด และอย่าสระผมทุกวัน สระผมแค่วันเว้นวันก็เพียงพอแล้ว

- อย่าใช้ผ้าขนหนูขยี้ที่เส้นผมแรงๆ เพราะเป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้ผมยิ่งเสียมากขึ้นเช่นกัน

หยุดการใช้ความรุนแรงกับเส้นผมทุกประเภท ทั้งดัด ไดร์ หนีบ ยืด ย้อม ควรรอให้เส้นผมของเราได้พักฟื้นบ้าง อย่าตะบี้ตะบันทำทุกอย่างเพื่อให้ผมสวย เพราะนอกจากผมจะไม่สวยอย่างที่คิดแล้ว จะยิ่งเป็นการทำร้ายเส้นผมไปโดยไม่รู้ตัว

- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

หลีกเลี่ยงไม่ให้เส้นผมสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง แต่ถ้าจำเป็นต้องอยู่กลางแดดนานๆ ควรใส่หมวกหรือกางร่ม เพราะแดดก็เป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้เส้นผมแห้งเสียและชี้ฟู

- ไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมมากเกินไป ใช้เท่าที่จำเป็นจริงๆ ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ควรใช้ในปริมาณน้อยหรือนานๆ ใช้ที เพราะผลิตภัณฑ์ทุกอย่างมีส่วนผสมของสารเคมีทั้งสิ้น การใช้สารเคมีมากๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดีนะสาวๆ

Beauty By Natural 
1. ไข่แดง + น้ำมันมะกอก + น้ำผึ้ง  = ผสมทุกอย่างให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาหมักผมก่อนสระผมประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกแล้วสระผมให้สะอาด

2. น้ำผึ้ง+ น้ำมันมะกอก + กล้วยปลอกแล้ว 1 ผล + น้ำเปล่าครึ่งถ้วย   = เอาส่วนผสมทุกอย่างไปปั่นรวมกัน แล้วชโลมลงบนศีรษะที่เปียกหมาดๆ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วสระผมให้สะอาด

3.ไข่ไก่ 1 ฟอง + โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย  = นำส่วนผสมทั้งสองอย่างมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วหมักผมเลย ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออกให้สะอาด

ที่มาhttp://www.dek-d.com/

อยากเรียนเก่งต้องทำแบบนี้


อยากเรียนเก่ง ต้องทำแบบนี้!!

ต้องตั้งใจเรียน : กฎเบสิกตลอดกาล ถ้าเราฟังในสิ่งที่ครูสอน เราก็ต้องเข้าใจและทำข้อสอบได้ แถมยังได้คะแนนจิตพิสัยดีด้วยนะเออ > <

หมั่นทำการบ้าน : ได้การบ้านอะไรมาปุ้บ กลับบ้านต้องรีบทำปั้บ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ไม่งั้นจะกลายเป็นดินพอกหางหมู (><) เพราะเราไม่ได้เรียนแค่วิชาเดียว แต่เราเรียนเป็นสิบวิชา และแน่นอนว่าทุกวิชาต้องมีการบ้านแน่นอน เพราะงั้น ได้การบ้านอะไรมาต้องรีบเคลียร์ จะได้มีเวลาไปทำการบ้านวิชาอื่นอีก ขืนเก็บไว้ทำรวดเดียว พี่เตยว่าจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเอาน้า

พักผ่อนให้เพียงพอ : นอกจากการนอนหลับจะเป็นกฎเบสิกของความสวยความงามแล้ว การพักผ่อนยังเป็นกฎสำคัญของการเรียนหนังสือให้เก่งด้วยค่ะ เมื่อเราได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เราก็จะมีพลังงานในการเรียนหนังสือ จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ร่างกายของเราที่ต้องการการพักผ่อน สมองของเราก็ต้องการการพักผ่อนด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อเราง่วงหรือร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความสามารถในการจดจำ ความเข้าใจ สมาธิ และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็จะลดลง ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการเรียนหนังสือค่ะ

เรียนรู้สไตล์การสอนของคุณครูแต่ละคน : พี่เตยเชื่อว่าคุณครูแต่ละคนมักจะมีวิธีการสอนที่แตกต่างกันออกไป เช่น คุณครูบางคนชอบให้นักเรียน brain storm กันในคาบ แล้วท้ายคาบให้ตัวแทนกลุ่มออกมา present คุณครูบางคนชอบให้เลคเชอร์ตามที่เขาพูด หรือคุณครูอีกคนชอบเรียกตอบคำถามในห้องเรียน เมื่อเราจับสไตล์การสอนของครูแต่ละคนได้ เราก็จะมีวิธีการเตรียมตัวก่อนถึงชั่วโมงเรียน อย่างถ้าคุณครูคนนี้ชอบให้ brain storm กับเพื่อนๆ ในกลุ่ม เราสามารถเตรียมตัวได้โดยการอ่านเนื้อหาในบทเรียนมาล่วงหน้า และควรหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาวิชามาเพิ่มเติมด้วย เพื่อเวลา discuss กันในกลุ่มเราจะได้มีข้อมูลใหม่ๆ ไปบอกเล่าให้เพื่อนๆ ได้รับรู้นั่นเองค่ะ ^^

ช่วยกันติว : วิชาไหนที่ยากๆ ลองรวมตัวกับเพื่อน 4-5 คน มาช่วยกันติว ช่วยกันอธิบาย เราไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้เพื่อนช่วยสอน ทั้งสนุกและได้ความรู้ เรียกว่าคุ้มมาก
ต้องรู้จักแบ่งเวลา : กำหนดเวลาให้ตัวเอง เช่น จะเล่น facebook ถึงสามทุ่ม และหลังจากนั้นจะต้องทำการบ้านวิชาสังคมให้เสร็จ แล้วถึงจะกลับมาเล่น facebook ได้อีกครั้ง

อ่านหนังสือก่อนสอบ : เรื่องนี้ก็สำคัญมากเช่นกันค่ะ พี่เตยคิดว่าถ้าเราได้อ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาก่อนไปสอบอย่างน้อย รอบจะช่วยให้เราทำข้อสอบได้ (ลองมาแล้วจริงๆ ) แต่ละคนอาจมีวิธีการอ่านหนังสือที่แตกต่างกันออกไป บางคนชอบอ่านไปฟังเพลงไป หรือบางคนชอบอ่านพร้อมกับเขียนสรุปย่อด้วย ลองหาสไตล์ของตัวเองให้เจอ จะได้แฮปปี้กับการอ่านหนังสือนะคะ ^^

ถ้าไม่เข้าใจ ให้ถาม : ข้อนี้พี่เตยลองมาด้วยตัวเองแล้วค่ะ สมัยม.ปลาย พี่เตยเรียนวิชาภาษาฝรั่งเศส พอคุณครูสอนตรงไหน แล้วพี่เตยไม่เข้าใจ พี่เตยจะเก็บไว้ไปถามคุณครูท้ายคาบเรียน คุณครูยินดีที่จะอธิบายข้อสงสัยให้น้องๆ ฟังอยู่แล้วแหละค่ะ เพราะฉะนั้น ไม่เข้าใจตรงไหนต้องถามโลด
Tips*

จัดโต๊ะทำการบ้านให้สวยงาม : ลองจัดโต๊ะที่เราไว้ใช้ทำการบ้านอ่านหนังสือให้น่ารัก ดูสะอาดตา และเป็นระเบียบ ใครชอบตกแต่งก็ลองทำงาน DIY น่ารักๆ มาตกแต่งด้วยก็ได้ ถ้าสภาพแวดล้อมของโต๊ะทำการบ้านน่านั่ง เราก็จะรู้สึกอยากมานั่งอ่านหนังสือและทำการบ้านค่ะ

ตั้งเป้าหมาย : โดยส่วนตัวพี่เตยจะตั้งเป้าเกรดที่อยากได้ไว้ในใจเพื่อช่วยเป็นแรงฮึดในการเรียน เช่น เทอมที่แล้วได้เกรดเฉลี่ย 3.20 เทอมนี้เอาใหม่ ต้องให้ได้ 3.50 ขึ้นไป ถึงเวลาจริงๆ เราอาจจะได้เกรดไม่ถึง 3.50 แต่ส่วนใหญ่ก็จะไม่ต่ำกว่า 3.20 ค่ะ (พี่เตยลองมาเองจ้า)

อาหารเช้านี้สำคัญ : เคล็ดลับอีกข้อของพี่เตยคือต้องทานอาหารเช้าค่ะ ไม่เช่นนั้นจะเรียนไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้น น้องๆ คนไหนที่ไม่ค่อยได้ทานอาหารเช้า ลองหันมาลองทานดูนะคะ พี่เตยว่าช่วยให้เรียน (ช่วงเช้า) รู้เรื่องขึ้นเยอะเลยค่ะ ^^

เรียนพิเศษ : วิชาไหนที่อยากเน้นเป็นพิเศษ น้องๆ สามารถลงเรียนพิเศษเพิ่มเติมได้ตามอัธยาศัยเลย นอกจากจะได้ความรู้และความสนุกแล้ว น้องๆ อาจจะได้เพื่อนเพิ่มตามสถาบันกวดวิชาด้วยก็ได้นะ (:

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555